ก่อนที่เราจะรู้จักกับเมกะโอห์มมิเตอร์และการทำ Insulation tester นั้น บทความนี้เราจะอธิบายถึงหลักการพื้นฐานและชนิดของโอห์มมิเตอร์แต่ละอย่างว่าเป็นอย่างไร เพื่อให้ผู้อ่านนั้นได้เข้าใจถึงหลักการทำงานของโอห์มมิเตอร์มากขึ้น
ความต้านทานไฟฟ้า หมายถึง คุณสมบัติหรือลักษณะเฉพาะของวัสดุในการต้านการไหลของประจุไฟฟ้าผ่านตัวมัน หน่วยการวัดความต้านทานคือ โอห์ม ( Ω ) ตัวต้านทานจะนำมาใช้ในวงจรที่ต้องการความต้านทานมาเพื่อจำกัดกระแสที่ไหลในวงจร จากกฎของโอห์ม V=IR เมื่อจัดสมการใหม่ จะได้ R = V/I ดังนั้นค่าความต้านทานคืออัตราส่วนระหว่างแรงดันที่ตกคร่อมตัวต้านทานนั้นกับกระแสที่ไหลผ่านตัวต้านทานนั้น
การวัดค่าความต้านทาน ถ้าให้กระแส ( I ) ที่ไหลผ่านตัวต้านทานที่ต้องการทราบค่ามีค่าคงที่ แรงดันที่ตกคร่อม (V) ตัวต้านทานที่ต้องการทราบค่านั้นจะเป็นสัดส่วนกับค่าความต้านทาน (R) จากกฎของโอห์ม I= V/R ดังนั้นโวลต์มิเตอร์ที่ชี้ค่าแรงดันจะถูกปรับเทียบเป็นค่าความต้านทาน ในทางกลับกัน ถ้าให้แรงดันคงที่ กระแสที่ไหลผ่านตัวต้านทานที่ต้องการทราบค่าคูณอยู่กับค่าความต้านทานที่ต้องการทราบค่า จากกฎของโอห์ม V= IR = I(1/G) หรือ มีค่าเท่ากับกระแสเป็นสัดส่วนกับค่าความนำไฟฟ้า
( G ) นั่นเอง
ประเภทและหลักการของ Ohm
meter ชนิดต่างๆ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทคือ
- โอห์มมิเตอร์แบบอนุกรม
- โอห์มมิเตอร์แบบขนาน
- โอห์มมิเตอร์แบบโวลต์มิเตอร์
โอห์มมิเตอร์แบบอนุกรม
R1
= ตัวต้านทานสำหรับจำกัดกระแส
( โอห์ม )
E =
แบตเตอรี่ภายใน
(
โวลต์ )
Rm =ความต้านทานของส่วนเคลื่อนที่ ( โอห์ม )
Rx = ตัวต้านทานที่ต้องการทราบค่า ( โอห์ม )
โอห์มมิเตอร์แบบอนุกรมเป็นโอห์มมิเตอร์ที่มีตัวต้านทานไม่ทราบค่าที่ต้องการวัดต่ออนุกรมกับขด ลวดเคลื่อนที่ (PMMC)
การเบนของเข็มมิเตอร์จะขึ้นอยู่กับขนาดของความต้านทานที่ไม่ทราบค่า ถ้าขนาดความต้านทานไม่ทราบค่ามีค่าสูง จะทำให้กระแสไหลผ่านขดลวดเคลื่อนที่น้อย ถ้าขนาดความต้านทานไม่ทราบค่ามีค่าต่ำ จะทำให้กระแสผ่านขดลวดเคลื่อนที่มาก ผลดังกล่าวเข็มมิเตอร์จะชี้ค่าความต้านทานออกมา การเปลี่ยนสเกลหน้า ปัดของมิเตอร์ให้เป็นสเกลของโอห์มมิเตอร์ทำได้โดย ใช้ตัวต้านทานมีค่าความต้านทานต่างๆ แทนค่าลงในสมการ คำนวณค่าออกมาเป็นกระแสในค่าต่างๆ กำหนดค่าความต้านทาน ตาม กระแสที่คำนวณได้ ก็จะได้สเกลของโอห์มมิเตอร์แบบอนุกรม นอกจากนี้โอห์มมิเตอร์แบบอนุกรมยังถูกนำไปพัฒนาต่อโดยการขยายพิสัยให้กว้างขึ้นเพื่อสามารถวัดค่าความต้านทานได้กว้างขึ้น
โอห์มมิเตอร์แบบขนาน
R1
= ตัวต้านทานสำหรับจำกัดกระแส
( โอห์ม )
E =
แบตเตอรี่ภายใน
(
โวลต์ )
Rm =ความต้านทานของส่วนเคลื่อนที่ ( โอห์ม )
Rx = ตัวต้านทานที่ต้องการทราบค่า ( โอห์ม )
โอห์มมิเตอร์แบบโวลต์มิเตอร์
เป็นโอห์มมิเตอร์ที่นิยมใช้มากที่สุดเพราะสามารถวัดได้หลายพิสัย สามารถวัดค่าความต้านทานได้กว้าง ตั้งแต่ค่าต่ำไปหาค่าสูง มีข้อดีก็คือที่พิสัยการวัดที่สูง แรงเคลื่อนไฟฟ้าที่ใช้จะไม่สูงมาก มีโครงสร้างมาจากโอห์มมิเตอร์แบบอนุกรมโดยทำการดัดแปลงวงจรคือ เพิ่มตัวต้านทานค่าต่ำขนานกับขดลวดเคลื่อนที่ ( PMMC ) ดังนั้นสเกลของโอห์มมิเตอร์แบบนี้ จะมีสเกลเหมือนกับโอห์มมิเตอร์แบบอันดับ คือ 0 Ω จะอยู่ทางขวามือ และ ∞ Ω จะอยู่ทางซ้ายมือ
Reference
- การวัดและเครื่องวัดไฟฟ้า รศ.ดร.เอก ไชยสวัสดิ์
- เครื่องวัดและการวัดทางไฟฟ้า อาภรณ์ เก่งพล ศาตราจารย์ทางวิศวกรรมไฟฟ้า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ดร.โอชามุ นิชิโนะ ศาตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว
- Basic Electrical and Electronic Tests and Measurement , Michael Braccio
- http://www.neutron.rmutphysics.com/physicsboard/forum/index.php?topic=1118.0
- http://bymeter.blogspot.com/2008/03/6-6.html
- http://thailandindustry.com/guru/view.php?id=13377§ion=9
- http://www.electrotechnik.net/2009/05/insulation-resistance-measurement.html