INSULATION TEST
การทำ Insulation test เป็นการทดสอบค่าความเป็นฉนวนใน สายเคเบิ้ล , มอเตอรไฟฟ้า , Heater , อุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ หรือแม้กระทั่งดิน ก็มีค่าความเป็นฉนวนเช่นกัน ในสายเคเบิ้ลหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า เราสามารถทดสอบค่าความเป็นฉนวนได้โดยตรวจสอบจากขดลวดภายในว่าสามารถทนแรงดันไฟฟ้าในระดับมาตรฐานที่กำหนดไว้ได้หรือไม่ เครื่องมือที่ใช้ในการทดสอบคือ Insulation tester หรือ ที่เรียกกันทั่วๆไปว่า Mega Ohm meterทำไมต้องมีการทดสอบค่าความต้านทานฉนวนไฟฟ้า
ปกติการทดสอบค่าความต้านทานฉนวนไฟฟ้า ก็เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดไฟฟ้าดูด (Electrical Shocks) เพื่อเป็นการป้องกันบุคคล และเป็นการลดหรือจำกัดการหยุดการทำงาน การทดสอบค่าความต้านทานฉนวนไฟฟ้าเป็นการตรวจจับการเสื่อมของฉนวน แล้วบันทึกลงในตารางการซ่อมแซม เช่น ทำความสะอาดด้วยสุญญากาศ, ทำความสะอาดด้วยไอน้ำ, การทำให้แห้งและการพันขดลวดใหม่ มันจะเป็นการช่วยการประเมิณคุณภาพของการซ่อม ก่อนที่อุปกรณ์ไฟฟ้าจะถูกนำกลับไปใช้งานอีกครั้ง
ตัวอย่างการทำ Insulation test :
- easytest MEGA Insulation Resistance test
- Electrical Testing - Insulation Resistance
- Insulation Resistance Test
MEGA OHM METER or INSULATION TESTER
เป็นโอห์มมิเตอร์สำหรับวัดความต้านทานค่าสูงมากๆ โดยเฉพาะความต้านทานของวัสดุที่ใช้เป็นฉนวนไฟฟ้า นิยมเรียกว่าเมกเกอร์ (Megger)
หรือเครื่องทดสอบความเป็นฉนวน (Insulation Testers) เมกโอห์มมิเตอร์มีสเกลหน้าปัดบอกค่าสเกลไว้เป็นเมกโอห์ม ( MΩ )
มีพิสัยการวัดจาก 10 kΩ ถึง 10 GΩ โดยมีความถูกต้อง 3 ถึง 10
เปอร์เซ็นต์ จากรูปด้านบนแสดงถึงหลักการทำงานง่ายๆของเมกกะโอห์มมิเตอร์ โดยการป้อนแรงดันกระแสตรงที่มีค่าสูงให้กับตัวต้านทานที่ต้องการทราบค่า X แล้ววัดกระแสที่เกิดขึ้น โดยใช้โวลต์มิเตอร์ที่มีอิมพิแดนซ์สูง วัดค่าแรงดันที่ตกคร่อมตัวต้านทานมาตรฐาน Rs
จะได้ว่า E0/Ein = Rs/X ถ้า X >> Rs
เมกะโอห์มมิเตอร์ชนิดมือหมุน
รูปร่างโครงสร้างภายในของเมกะโอห์มมิเตอร์ชนิดมือหมุน
โครงสร้างภายในเมกะโอห์มมิเตอร์ ประกอบด้วย เครื่องกำเนิดแรงดันไฟตรงที่ใช้เป็นเจเนอเรเตอร์ชนิดมือหมุน ที่จะให้แรงดันค่าใดค่าหนึ่งดังต่อไปนี้คือ 100V
250V 500V 1,000V
หรือ 2,000V แล้วแต่ย่านของการวัด แม่เหล็กถาวรแกนเหล็กรูป วงแหวน ขดลวดแรงดัน A
(Potential Coil) ขดลวดกระแส B (Current Coil) และตัวต้านทาน R1,R2 ขดลวด A และ ขดลวด B สามารถหมุนรอบแกนเหล็กรูปวงแหวนได้และมีเข็มชี้ยึดติดอยู่ด้วย ปกติเข็มชี้จะชี้ที่ตำแหน่งใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องชี้ที่ตำแหน่ง 0 Ω เพราะส่วนเคลื่อนไหวของมิเตอร์ชนิดนี้ ไม่มีสปริงคอยควบคุมการเบนกลับของเข็มชี้ แต่ก่อนการใช้งานควรจะปรับเข็มชี้ให้ชี้ที่ตำแหน่ง 0 Ω ก่อน ถ้าไม่ได้ต่อตัวต้านทาน Rx เข้าจุดวัด เมื่อหมุนเครื่องกำเนิดแรงดัน จะมีแรงดันเกิดขึ้นมาป้อนให้ตัวต้านทาน R1 และขดลวดแรงดัน A ทำให้ขดลวดแรงดัน A เกิดอำนาจแม่เหล็กผลักดันกับอำนาจแม่เหล็กถาวร ส่วนขดลวดกระแส B ไม่เกิดอำนาจแม่เหล็ก อำนาจแม่เหล็กทั้งสองผลักดันกัน ทำให้เข็มชี้บ่ายเบนไปชี้ที่ตำแหน่ง ∞ ตัวต้านทาน R1 ที่ต่ออนุกรมกับขดลวดแรงดัน A ทำหน้าที่จำกัดกระแสให้ไหลผ่านขดลวดแรงดัน A พอเหมาะไม่มากเกินไป ถ้าช็อตจุดต่อตัวต้านทาน Rx เข้าด้วยกัน เมื่อหมุนเครื่องกำเนิดแรงดัน มีกระแสไหลผ่านทั้งขดลวดแรงดัน A กับ R1 และขดลวดกระแส B กับ R2 เกิดอำนาจแม่เหล็กขึ้นที่ขดลวดทั้งสองชุด ผลักดันกับอำนาจแม่เหล็กถาวร แต่เนื่องจากอำนาจแม่เหล็กของขดลวดกระแส B มีอำนาจแม่เหล็กมากกว่าขดลวดแรงดัน A ทำให้เข็มชี้เบนชี้ค่าที่ 0 Ω ตัวต้านทาน R2 ที่ต่ออนุกรมกับขดลวดกระแส B ทำหน้าที่จำกัดกระแสให้ไหลผ่านขดลวดกระแส B พอเหมาะไม่มากเกินไป เมื่อต่อตัวต้านทาน Rx เข้าที่จุดต่อวัด และหมุนเครื่องกำเนิดแรงดัน มีกระแสไหลผ่านทั้งขดลวดแรงดัน A และขดลวดกระแส B อำนาจแม่เหล็กของขดลวดแรงดัน A พยายามผลักดันให้เข็มชี้เบนไปที่ตำแหน่ง ∞ ส่วนขดลวดกระแส B พยายามผลักดันให้เข็มชี้เบนไปที่ตำแหน่ง 0 Ω การเบนของเข็มชี้นี้จะเบนไปทาง∞ ได้มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับความต้านทาน Rx
ที่นำมาต่อวัด ถ้า Rx
มีค่าความต้านทานมาก มีกระแสไหลผ่านขดลวดกระแส B
น้อย อำนาจแม่เหล็กของขดลวดกระแส B
เกิดน้อย เข็มชี้ถูกบ่ายเบนไปทาง ∞ มาก ถ้า Rx
มีค่าความต้านทานน้อย มีกระแสไหลผ่านขดลวดกระแส B
มาก อำนาจแม่เหล็กของขดลวดกระแส B
เกิดมาก เข็มชี้ถูกบ่ายเบนไปทาง 0 Ω มาก นั่นคือการแสดงค่าความต้านทานที่วัดออกมาได้ในหน่วยของเมกะโอห์ม
เนื่องจากเราใช้เครื่องตรวจวัดฉนวนนี้ในการวัดความต้านทานของฉนวนในอุปกรณ์ไฟฟ้าและในการเดินสายไฟ ดังนั้นการเลือกใช้แรงดันของต้นกำเนิด จึงไม่ควรคำนึงถึงแต่ย่านของการวัดเพียงอย่างเดียวแต่ต้องคำนึงถึงแรงดันใช้งาน (operating
voltage) ของอุปกรณ์ไฟฟ้านั้นๆด้วย เช่น ความต้านทานของฉนวนที่ดูจะมีค่าเพียงพอที่แรงดันต่ำเกิดการเสื่อมสลาย (
break down) ขึ้นเมื่อแรงดันที่ใช้นั้นเพิ่มขึ้น การรักษาระดับแรงดันของเครื่องกำเนิดให้คงที่นั้นใช้กัฟเวอร์เนอร์ (governor) เป็นตัวควบคุม
ต่อมามีการพัฒนาเมกกะโอห์มมิเตอร์ โดยการปรับปรุงให้เครื่องเมกะโอห์มมิเตอร์ให้สามารถใช้แรงดันคงที่ที่ 100
ถึง 1,000
โวลต์ ได้ โดยการสร้างแรงดันมาจากแบตเตอรี่ 8 ถึง 12 โวลต์ เรียกว่าเมกกะโอห์มมิเตอร์ชนิดใช้แบตเตอรี่ ซึ่งข้อดีคือสามารถให้กำเนิดแรงดันสูงได้คงที่กว่าชนิดมือหมุน จึงถูกนำมาใช้งานแทนเครื่องวัดแบบเก่า
เมกะโอห์มมิเตอร์ชนิดใช้แบตเตอรี่
สเกลย่านการวัดเครื่องวัดความเป็นฉนวนเมกเกอร์ ย่านขวามือสุด 0.1Ω
เป็นย่านค่าความต้านทานต่ำ ส่วนย่านซ้ายมือสุด 20
kΩ
ถึง ∞
หรือย่านความต้านทานสูง
Reference
- การวัดและเครื่องวัดไฟฟ้า รศ.ดร.เอก ไชยสวัสดิ์
- เครื่อง วัดและการวัดทางไฟฟ้า อาภรณ์ เก่งพล ศาตราจารย์ทางวิศวกรรมไฟฟ้า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ดร.โอชามุ นิชิโนะ ศาตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว
- Basic Electrical and Electronic Tests and Measurement , Michael Braccio
- http://www.neutron.rmutphysics.com/physicsboard/forum/index.php?topic=1118.0
- http://bymeter.blogspot.com/2008/03/6-6.html
- http://thailandindustry.com/guru/view.php?id=13377§ion=9
- http://www.electrotechnik.net/2009/05/insulation-resistance-measurement.htm
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น